วิธีต่ออายุใบขับขี่ ออนไลน์ ทำยังไง?
วิธีต่ออายุใบขับขี่ ออนไลน์ ทำยังไง? สำหรับเพื่อนๆที่ใบขับขี่ใกล้หมดอายุ อาจจะกำลังวางแพลนจะหาวันเวลาไปต่อใบขับขี่กันอยู่ การต่อใบขับขี่แบบออนไลน์เป็นช่องทางที่สะดวกมาก แนะนำให้ลองทำตามขั้นตอนด้านล่าง ทำได้จริงไม่ต้องเสียเวลาเป็นวันๆไปนั่งอบรมที่ขนส่งอีกต่อไป ส่วนขั้นตอนจะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 อบรมออนไลน์
1.เข้าไปที่เว็บไซต์ www.dlt-elearning.com
2.เลือก “เข้าสู่ระบบ”
3.กรอกข้อมูลลงทะเบียนจากข้ออมูลบัตรประชาชน และวันเดือนปีเกิดให้ถูกต้อง
4.เลือกคลาสลงทะเบียน อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ตามประเภทที่ต้องการ
5.ฟัง ดูการอบรม (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับรูปแบบการต่ออายุ)
6.ฟัง อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ ให้จบ
ตรงส่วนนี้ ต้องเลือกอบรมให้ถูกต้องตามสถานะใบขับขี่ของเรา โดยจะมีแบ่ง เป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.ต่ออายุ (รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) ระยะเวลาอบรม 1 ชั่วโมง
2.ต่ออายุ (รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) “ขาดต่ออายุเกิน 1 ปีขึ้นไป” ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง
3.ต่ออายุ (ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถส่วนบุคคลชนิดที่ 1-4, ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถทุกประเภทชนิดที่ 1-4) ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง
4.ต่ออายุ (รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง
ในส่วนการรับชมวีดีโอการอบรม มีทั้งหมด 4 ส่วน ใช้เวลารวมๆแล้ว 1 ชั่วโมง (สำหรับต่ออายุใบขับขี่ทั่วไป) นั่งฟังเพลินๆแปปเดียวเสร็จแล้วววว ง่ายไม่ต้องไปถึงขนส่ง แต่ยังไงก็ต้องไปอยู่ดีอ่ะนะ ในวันที่ทำบัตรใหม่แต่ประหยัดเวลาลงเยอะ
อย่าเผลอหลับหรือห่างจากหน้าจอนาน!! เพราะจะมีให้เรากดยืนยันหรือตอบคำถามเรื่อยๆระหว่างที่ดูวีดีโอการอบรม หากไม่ตอบคำถามหรือกดยืนยันภายในระยะเวลาที่ระบบกำหนด จะต้องนั่งดูวีดีโอในบทเรียนนั้นใหม่นะจ๊ะ อย่าหาทำ
ขั้นตอนสุดท้ายของการอบรมออนไลน์ คือการรับหลักฐานการเข้ารับการอบรม ถ้าไม่กดรับหลักฐานจะเสียเวลาฟรีๆ เพราะต้องใช้หลักฐานนี้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ขนส่งตรวจสอบ ว่าเราได้เข้าอบรมออนไลน์มาแล้วจริงๆ
จบขั้นตอนอบรมออนไลน์แล้ววว เย้!! เมื่อไปที่ขนส่งแสดงรูปที่มี QRcode นี้ให้เจ้าหน้าที่ขนส่งตรวจสอบ โดยสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 6 เดือน เพื่อนๆสามารถเข้าอบรมออนไลน์ได้ล่วงหน้ากันก่อนครึ่งปีก่อนไปต่ออายุใบขับขี่เลย
ขั้นตอนที่ 2 จองคิวต่ออายุใบขับขี่ ผ่าน แอปพลิเคชัน
ขั้นตอนจองคิวนี้สำหรับคนที่ไม่ต้องการเสี่ยงดวง Walk in เข้าขนส่งแล้วเจอคิวยาวเหยียดที่มาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย หากใครคิดว่าสำนักงานขนส่งแถวบ้านคนใช้บริการน้อย ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้าก็ได้ ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย!!
1.ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ในมือถือ ได้ทั้ง IOS, Android
2.ลงทะเบียนเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน
3.เข้าสู่ระบบด้วยเลขบัตรประชาชนและรหัสผ่านที่เคยลงทะเบียนในวันที่สอบใบขับขี่ (ถ้าลืมรหัสผ่านกด ลืมรหัสผ่าน/Forgot Password แล้วตั้งรหัสผ่านใหม่ได้เลยไม่ยุ่งยาก)
4.เลือกสำนักงานขนส่งที่ต้องการเข้าไปต่ออายุใบขับขี่
5.เลือกประเภทที่ต้องการต่ออายุใบขับขี่ เช่น ต่อจาก 2ปี 5ปี
6.เลือกจองคิวตามวัน เวลา ที่สะดวก ตามรอบที่ทางขนส่งกำหนดให้
7.บันทึกหลักฐานการจองคิว QRcode ไว้ใช้แสดงให้เจ้าหน้าที่ขนส่งดู
เริ่มต้นด้วยการโหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ผ่าน Google Play Store ของ Android และ App Store ของ IOS
เข้าสู่ระบบด้วย เลขบัตรประชาชนของเราและรหัสผ่าน ที่ได้ลงทะเบียน ณ วันที่ทำใบขับขี่ หากลืมสามารถกด ลืมรหัสผ่าน/Forgot Password เพื่อตั้งรหัสผ่านให่ได้เลย
จากนั้นให้เลือกค้นหาตามจังหวัดที่ต้องการเข้าไปใช้บริการ และเลือกตามสาขาที่สะดวก ต่อมา เลือกที่ “งานใบอนุญาต” ต่อด้วย “ใบอนุญาติส่วนบุคคล” แล้วเลือกประเภทยานพาหนะที่ต้องการต่ออายุใบขับขี่
เลือกประเภทใบขับขี่ที่ต้องการต่ออายุ แล้วเลือกวัน เดือนที่ต้องการจองคิว โดยทางขนส่งจะเปิดให้จองคิวเฉพาะวันที่เป็นสีเขียวเท่านั้น แต่ละสีมีรายละเอียดบอกไว้ชัดเจน สีเทา = วันหยุดราชการ สีแดง = จำนวนคิวเต็มแล้ว สีเขียว = จำนวนคิวว่าง สีดำ = ไม่เปิดให้จอง
เลือกรอบเวลาการจองคิวประจำวัน จากนั้นกดยืนยันการจอง ระบบจะไม่ให้จองคิวต่ออายุใบขับขี่ ออนไลน์ เกิน 180 วัน ก่อนใบอนุญาติสิ้นสุดอายุ
หลังจากจองคิวแล้ว ระบบจะมีให้บันทึกข้อมูลแบบ QRcode เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการจองคิวผ่านแอปพลิเคชัน ใช้ยืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ขนส่ง เท่านี้เป็นอันเสร็จขั้นตอน จองคิว ต่ออายุใบขับขี่ ออนไลน์ เย้!!
แถมให้อีกนิด หากเปลี่ยนใจอยากยกเลิกการจองคิว สามารถกดยกเลิกการจองได้เลย ตามขั้นตอนด้านล่าง
ขั้นตอนที่ 3 ต่ออายุใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่ง
1.แสดงหลักฐานการอบรมและจองคิวออนไลน์(สำหรับคนที่จอง)ให้เจ้าหน้าที่ขนส่งดู
2.จ่ายเงินชำระค่าธรรมเนียม โดยค่าธรรมเนียมของการต่ออายุใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี หรือ 5ปี ต่อ 5ปี จะอยู่ที่ 500 บาท
3.ถ่ายรูปทำบัตรใหม่
เอกสารที่ต้องใช้ ต่ออายุใบขับขี่
1ใบขับขี่เดิมที่ยังไม่หมดอายุการใช้งาน
2.บัตรประชาชน
ข้อมูลจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนและรายละเอียด
สามารติดตามข้อมูลได้จากเว็บไซต์ : กรมการขนส่งทางบก (dlt.go.th)