รวมเรื่องน่ารู้ก่อนจะเป็น ผู้กู้ร่วม
ผู้กู้ร่วม คงเป็นคำที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ สำหรับคนที่ต้องการขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อรถยนต์ เนื่องจากเป็นการขอสินเชื่อที่มีมูลค่าสูง และใช้ระยะเวลานานในการผ่อนชำระ ดังนั้นการมีผู้กู้ร่วมไว้ ก็สามารถใช้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายมากขึ้น แต่ก่อนคุณเช็นสัญญาเป็นผู้กู้ร่วม ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า ผู้กู้ร่วม ต้องมีหน้าที่และคุณสมบัติอย่างไร ?
การกู้ร่วม คืออะไร
การกู้ร่วม คือ การขอสินเชื่อร่วมกับผู้กู้อีกคน และร่วมกันเป็นลูกหนี้ของทรัพย์สินนั้น ๆ โดยธนาคารหรือสถาบันการเงิน จะนำข้อมูลทางการเงินของผู้กู้ร่วม มาร่วมพิจารณาคุณสมบัติในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อด้วย ซึ่งผู้กู้ร่วมถือว่ามีสิทธิ์เป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น ๆ เช่นกัน รวมเรื่องน่ารู้ก่อนจะเป็น ผู้กู้ร่วม
ผู้กู้ร่วม คือใคร
ผู้กู้ร่วม คือ บุคคลที่มีฐานะเป็นลูกหนี้ และมีหน้าที่รับผิดชอบในการชำระหนี้ ที่กู้มาเช่นเดียวกับผู้กู้หลัก โดยปกติแล้วจะกู้ร่วมได้ไม่เกิน 3 คน (ผู้กู้หลัก 1 คน และ ผู้กู้ร่วมสูงสุด 2 คน) ซึ่งบุคคลที่จะเป็นผู้กู้ร่วมจะต้องมีความสัมพันธ์ภายในครอบครัวเท่านั้น โดยจะแบ่งรายละเอียดดังนี้
1. คนที่มีนามสกุลเดียวกัน
พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือเครือญาติ ที่ใช้นามสกุลเดียวกัน
2. พี่ น้อง ท้องเดียวกัน
แม้จะคนละนามสกุลก็สามารถกู้ร่วมได้ โดยต้องแสดงทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรระบุว่ามีพ่อแม่คนเดียวกัน
3. สามี ภรรยา
แม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็สามารถกู้ขอสินเชื่อร่วมกันได้ แต่ต้องแสดงหลักฐานการเป็นสามี ภรรยากัน เช่น ภาพถ่าย การ์ดงานแต่งงาน หรือหนังสือรับรองบุตร
4. คู่รัก LGBTQ+
จะต้องมีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ เพื่อยืนยันว่าเป็นคู่รักกันจริง เช่น ทะเบียนบ้านที่มีชื่อทั้งสองคน หรือเอกสารในการกู้ซื้อทรัพย์สินร่วมกัน เช่น รถยนต์ หรือเอกสารการทำธุรกิจร่วมกัน
ประโยชน์ของการกู้ร่วม
1. เพิ่มโอกาสให้สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น
สำหรับคนที่ต้องการซื้อบ้านหรือรถยนต์ แต่กังวลว่าจะไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาของธนาคารหรือสถาบันการเงิน หากมีผู้กู้ร่วมมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่ติดเครดิตบูโร ก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้น
2. เพิ่มโอกาสในการได้รับวงเงินที่สูงขึ้น
การมีผู้กู้ร่วม ฐานรายได้ที่นำมาพิจารณาก็จะเพิ่มขึ้น จึงมีโอกาสได้วงเงินสูงขึ้นตามลำดับ
3. ไม่ต้องแบกรับภาระหนี้คนเดียว
การกู้ร่วมซื้อบ้าน หรือรถยนต์ ทำให้เรามีคนช่วยผ่อนชำระหนี้ และเป็นการกระจายความเสี่ยง เผื่อวันหนึ่งเราขาดสภาพคล่อง ก็ยังมีผู้กู้ร่วมที่สามารถช่วยชำระหนี้ได้
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจกู้ร่วม
1. กู้ร่วมไม่ได้แปลว่าต้องมีภาระหนี้สินเท่ากัน
การกู้ร่วมซื้อบ้านหรือรถยนต์ ไม่ได้แปลว่าจะต้องรับผิดชอบฝ่ายละครึ่ง (หรือหารเท่า ๆ กัน) แต่ทุกคนจะต้องรับผิดชอบหนี้สินก้อนนี้ร่วมกัน ดังนั้นถ้าผิดนัดชำระหนี้หรือถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ธนาคารหรือสถาบันการเงิน มีสิทธิ์จะเรียกชำระหนี้จากใครก็ได้ที่เป็นผู้กู้ร่วม
2. การใส่ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในการกู้ร่วม
การกู้ร่วมซื้อบ้านหรือรถยนต์จะมีอยู่ 2 แบบคือ
- แบบที่ 1 ใส่ชื่อคนเดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กรณีนี้จะง่ายและสะดวก แต่ผู้กู้ร่วมจะไม่มีกรรมสิทธิ์ใด ๆ ในทรัพย์สินนั้น
- แบบที่ 2 ใส่ชื่อผู้กู้ร่วมทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กรณีทุกคนจะมีสิทธิ์เท่า ๆ กัน กรณีต้องการขายทรัพย์สินนั้น ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ทุกคน
3. การกู้ร่วมได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี
สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจะหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ จะแบ่งกันเองไม่ได้ แต่จะลดหย่อนรวมได้สูงสุดเพียง 100,000 บาท (ถ้ากู้ร่วม 2 คน แปลว่าลดหย่อนได้สูงสุดคนละ 50,000 บาท)
จะทำอย่างไร เมื่อผู้กู้ร่วมเสียชีวิต
หากผู้ที่กู้ร่วมเสียชีวิต อย่างแรกที่จะต้องทำก็คือ ดำเนินการแจ้งให้ธนาคาร หรือสถาบันการเงินทราบ เพราะถ้าไม่มีการแจ้งสัญญาการกู้ร่วมจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นธนาคารหรือสถาบันการเงิน จะเรียกให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้เสียชีวิต เข้ามาลงชื่อเพื่อแสดงเจตนาที่จะรับสภาพหนี้ภายใน 1 ปี หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของทายาทที่จะรับช่วงต่อการผ่อนชำระต่อไป
ลงชื่อกู้ร่วมแล้ว สามารถยกเลิกได้หรือไม่
คำตอบคือ สามารถยกเลิกได้ แต่ก่อนจะถอนชื่อผู้กู้ร่วมได้นั้น จะต้องผ่านการพิจารณายอดสินเชื่อที่คงเหลือ และผู้กู้ร่วมที่เหลืออยู่ และเพื่อไม่ให้ผู้กู้สูญเสียผลประโยชน์ ส่วนใหญ่ทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินจะมีทางเลือกให้ผู้กู้ทั้งหมด 3 เลือกดังนี้
1. ถอนรายชื่อผู้กู้ร่วม และหาบุคคลอื่นมากู้ร่วมแทน
ขั้นตอนนี้ทางธนาคาร หรือสถาบันการเงิน จะเป็นผู้พิจารณาผู้กู้ที่ต้องผ่อนชำระหนี้ต่อ หากผู้กู้ที่เหลืออยู่ไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ต่อ จะต้องหาบุคคลอื่น มาทำสัญญากู้ร่วมแทน (กรณีมีการกู้ร่วม 3 คน) ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาผู้กู้ร่วมรายใหม่ จากยอดสินเชื่อที่คงเหลือ
2. การขอรีไฟแนนซ์เพื่อขอเป็นผู้กู้คนเดียว
การรีไฟแนนซ์ไปธนาคาร หรือสถาบันการเงินใหม่เพื่อขอกู้คนเดียว โดยทั่วไปก่อนอนุมัติธนาคาร หรือสถาบันการเงิน จะต้องทำประเมินก่อนว่าผู้กู้มีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ ตามเงื่อนไขดังนี้ (หรือตามเงื่อนไขที่ธนาคาร หรือสถาบันการเงินเป็นผู้กำหนด) มีรายได้ที่มากพอผ่อนต่อการชำระคนเดียวหรือไม่
- มีโอกาสเป็นหนี้เสียหรือไม่
- ภาระหนี้สินอยู่ที่เท่าไหร่
- ความมั่นคงของอาชีพการงานเป็นอย่างไร
- ไม่มีประวัติเสียเครดิตบูโร
หากผ่านทั้งหมดก็ยื่นทำรีไฟแนนซ์ได้เลย อย่างไรก็ดีก่อนทำต้องให้ผู้กู้ร่วมอีกฝ่ายมาทำการเซ็นยินยอมโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้ก่อน
3. ขายทรัพย์สินที่มี และแบ่งส่วนต่างตามยอดกำไรที่คงเหลือ
กรณีนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อตกลงเรื่องการแบ่งทรัพย์สินไม่ลงตัว การประกาศขายทรัพย์สินและแบ่งเงินตามการผ่อนชำระที่ผ่านมาหรือแล้วแต่ตกลงกัน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนนี้ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินจะพิจารณาผลกำไรจากการขายในครั้งนี้ด้วย
ในกรณีที่เป็นรถยนต์ หากผู้กู้มีความประสงค์จะยกเลิกสัญญากู้ร่วม ธนาคารหรือสถาบันการเงิน จะไม่มีการชำระกำไรส่วนต่างคืนแก่ผู้กู้ และผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกเป็นของธนาคารหรือสถาบันการเงิน แต่เพียงผู้เดียว
ถึงแม้ว่าการกู้ร่วม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อให้ผ่านง่ายและได้รับวงเงินสูงมากขึ้น แต่ก่อนจะตัดสินใจกู้ร่วมต้องวางแผนให้ดี ๆ ที่สำคัญก่อนกู้ร่วม ต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียด ข้อกำหนดต่าง ๆ ก่อนเซ็นสัญญากู้ร่วม เพื่อไม่ให้เสียประโยชน์กับตัวเองในอนาคตนะคะ วันนี้ทีมงาน โตโยต้า ชัวร์ กาญจนบุรี รถมือสอง หวังว่าบทความเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยกับเรื่องการกู้ร่วมมากขึ้นนะคะ
โตโยต้า ชัวร์ กาญจนบุรี รถมือสอง
รถมือสอง พร้อมโปรโมชั่น และเงื่อนไขการรับประกันดีๆ : www.toyotasurekan.com
รีไฟแนนซ์รถยนต์ : www.toyotasurekan.com/รีไฟแนนซ์-รถยนต์-กาญจนบุรี
เกร็ดความรู้ดีๆ : www.toyotasurekan.com/เกร็ดความรู้