ประกันภัยรถยนต์ มีกี่ประเภทกี่แบบ ต่างกันยังไงบ้าง?
หากเพื่อนๆกำลังตัดสินใจจะซื้อ ประกันรถยนต์ มีกี่แบบ ต่างกันยังไง? หรือจะต่อประกัน ควรศึกษาแต่ละประเภทให้เข้าใจ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพราะประกันแต่ละประเภทมีเงื่อนไขในการคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป บทความนี้ทาง โตโยต้า ชัวร์ กาญจนบุรี จึงนำข้อมูลของประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทมาให้เพื่อนๆได้ศึกษาก่อนตัดสินใจซื้อกัน **รายละเอียดให้การคุ้มครองของแต่ละบริษัทอาจจะมีเงื่อไขที่ไม่เหมือนกัน โดยข้อมูลที่ผู้เขียนนำมานั้น เป็นข้อมูลพื้นฐานของบริษัทประกันใช้กันเป็นส่วนมาก
ประกันภัยรถยนต์มีกี่ประเภท ควรเลือกซื้อแบบไหน?
ประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นประกันภัยที่บังคับให้เจ้าของรถยนต์ทุกคันต้องทำ คุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร โดยประกันจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามวงเงินคุ้มครองที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535
- การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นประกันภัยที่เจ้าของรถยนต์สามารถเลือกทำเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ คู่กรณี ทรัพย์สิน และบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร แบ่งออกเป็น 5 ชั้นประเภท
ความแตกต่างของประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท อยู่ที่ขอบเขตความคุ้มครอง โดยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองครอบคลุมที่สุด ไล่ลำดับลงมาตามชั้นที่ 2+, 3+, 2 และ 3 ตามลำดับ
ประกันภัยรถยนต์แบ่งตามประเภท คุ้มครองยังไง เหมาะกับใคร?
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 (ป.1)
พูดง่ายๆคือ “คุ้มครองทุกกรณี” ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันภัยรถยนต์ประเภทที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด โดยคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ คู่กรณี ทรัพย์สิน และบุคคลภายนอกที่ได้รับบาด ทุพพลภาพหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตามวงเงินการคุ้มครอง(กรณีที่เกิดความเสียหายเกินวงเงินที่คุ้มครองต้องจ่ายส่วนเพิ่มเติมเอง)
คุ้มครองต่อตัวรถยนต์
คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ทุกส่วน เช่น ตัวรถ อุปกรณ์ตกแต่ง อุปกรณ์เสริม กระจก ยาง คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุทุกกรณี ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี คุ้มครองความเสียหายจากการสูญหายหรือไฟไหม้
คุ้มครองต่อคู่กรณี
คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของคู่กรณีทุกส่วน คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของคู่กรณี เช่น บ้าน อาคาร ร้านค้า เป็นต้น คุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
คุ้มครองอื่นๆ
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารในรถคุ้มครองค่าชดเชยรายได้ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล คุ้มครองค่าเสียหายจากการช่วยเหลือฉุกเฉินคุ้มครองค่าเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว และคุ้มครองค่าประกันตัวผู้ขับขี่กรณีที่เกิดคดีอาญา
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ยี่ห้อ รุ่น ประเภทของรถยนต์ อายุของผู้ขับขี่ ประวัติการขับขี่ ประวัติการเคลมประกัน เป็นต้น
ประกันชั้น 1 เหมาะกับใคร?
มือใหม่หัดขับ ที่ยังมีประสบการณ์ในการขับขี่น้อย ทำให้มีโอกาสประสบอุบัติเหตุได้สูง การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จึงจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ขับขี่มือใหม่ และรถยนต์ราคาสูง เนื่องจากค่าซ่อมแซมรถยนต์มีราคาสูงเช่นกัน การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จึงจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมได้
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ (ป.2+)
คุ้มครองทั้งเราและคู่กรณี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์และชีวิต ทรัพย์สิน และบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ โดยความคุ้มครองทั้งคู่กรณีและผู้เอาประกัน(เรา) หลักๆไม่ต่างจากประกันชั้น 1 ต่างกันตรงที่ประกันชั้น 2+ ต้องมีคู่กรณีที่เป็นรถยนต์หรือยานภาพาหนะที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ เช่น มอเตอร์ไซต์ รถยนต์ เท่านั้น
คุ้มครองต่อตัวรถยนต์
คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ทุกส่วน เช่น ตัวรถ อุปกรณ์ตกแต่ง อุปกรณ์เสริม กระจก ยาง คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุทุกกรณี (จำเป็นต้องมีคู่กรณีที่เป็นรถยนต์) คุ้มครองความเสียหายจากการสูญหายหรือไฟไหม้
คุ้มครองต่อคู่กรณี
คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ ทรัพย์สิน และบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ โดยบริษัทประกันจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามทุนประกันในวงเงินคุ้มครองที่เลือกไว้
คุ้มครองอื่นๆ
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร โดยบริษัทประกันจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามทุนประกันในวงเงินคุ้มครองที่เลือกไว้ และคุ้มครองค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันชั้น 2+ เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ราคาปานกลางถึงสูง ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งตัวรถยนต์และคู่กรณี แต่มีงบประมาณจำกัด และต้องการเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 (ป.2)
คุ้มครองความเสียหายรถยนต์ ชีวิตและทรัพย์สินของคู่กรณี คุ้มครองบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่คู่กรณี คุ้มครองการสูญหาย ถูกโจรกรรม ไฟไหม้ รวมทั้งให้ความคุ้มครองผู้โดยสารอีกด้วย
คุ้มครองต่อตัวรถยนต์
คุ้มครองรถยนต์ในส่วนของการสูญหาย ถูกโจรกรรม ไฟไหม้ (บางบริษัทไม่รับเคลมกรณีไฟไหม้สำหรับประกันชั้นที่2) ประกันภัยรถยนต์ชั้นที่ 2 จะไม่คุ้มครองรถยนต์ผู้เอาประกัน(เรา)
คุ้มครองต่อคู่กรณี
คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ ทรัพย์สิน ของคู่กรณี
คุ้มครองอื่นๆ
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลคู่กรณีและคุ้มครองค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ราคาไม่สูงมาก ขับรถคล่องแล้ว ต้องการความคุ้มครองเฉพาะคู่กรณี และคุ้มครองการสูญหายและโจรกรรม เหมาะกับผู้ที่ต้องจอดรถนอกบ้านและในที่ ที่เสี่ยงต่อการถูกงัดแงะ สูญหายเป็นต้น
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ (ป.3+)
คุ้มครองทั้งรถเราและรถคู่กรณี คล้ายกับประกันชั้น 2+ จำเป็นต้องเป็นเคสที่มีคู่กรณีเป็นรถยนต์กับรถยนต์เท่านั้น แต่ ไม่คุ้มครองรถสูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม
คุ้มครองต่อตัวรถยนต์
คุ้มครองความเสียหายทุกส่วน เช่น ตัวรถ อุปกรณ์ตกแต่ง จำเป็นต้องมีคู่กรณีที่เป็นรถยน์ หรือยานพาหนะที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์
คุ้มครองต่อคู่กรณี
คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ ชีวิต และทรัพย์สิน ของคู่กรณี
คุ้มครองอื่นๆ
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลคู่กรณี และคุ้มครองค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้นที่ 3+ จะถูกกว่า ประกันภัยชั้น 2+ แต่วงเงินการคุ้มครองก็จะน้อยลงตามเบี้ยที่จ่าย
ประกันชั้น 3+ เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ราคาปานกลาง และต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน แต่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งรถเราและคู่กรณี
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 (ป.3)
คุ้มครองเฉพาะรถของคู่กรณี แต่ยังคุ้มครองด้านร่างกาย อนามัย หากมีการบาดเจ็บ ทุพพลภาพหรือเสียชีวิต คุ้มครองทั้งคู่กรณีและผู้เอาประกัน(เรา) ไม่คุ้มครองรถสูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม
คุ้มครองต่อตัวรถยนต์
ไม่คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน(เรา) ความเสียหาย ไฟไหม้ สูญหาย พูดง่ายๆคือไม่คุ้มครองอะไรเลยที่เกี่ยวกับรถของเรา
คุ้มครองต่อคู่กรณี
คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ ทรัพย์สิน และชีวิตของคู่กรณี
คุ้มครองอื่นๆ
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลบุคคลภายนอก คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บในอุบัติเหตุ คุ้มครองค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันชั้น 3 เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ราคาไม่แพง ขับรถชำนาญแล้ว และต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน ต้องการแค่การคุ้มครองและรับผิดชอบต่อคู่กรณีเท่านั้น
รู้หรือไม่? มีบริษัทประกันหลายเจ้าที่สามารถเลือกการคุ้มครอเองได้ทุกอย่าง?
ณ ปัจจุบันมีประกันหลายเจ้าที่ให้ผู้ซื้อประกันเลือกได้เองว่าต้องการความคุ้มครองส่วนไหนบ้าง เช่น อยากได้ประกันที่คุ้มครองเฉพาะรถคู่กรณี แต่อยากได้การคุ้มครองตัวรถของเราในส่วน การสูญหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วม เพิ่มเติมขึ้นมา แบบนี้สามารถทำได้แล้วในปัจจุบัน ประกันรถยนต์ มีกี่แบบ ต่างกันยังไง?